JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0
สถิติเว็บไซต์
เปิดเว็บเมื่อ : 2012-04-03
จำนวนสมาชิก : 151 คน
ปรับปรุงเมื่อ : 2024-03-03
จำนวนครั้งที่ชม : 5,321,018 ครั้ง
Online : 24 คน
จำนวนสินค้า : 641 รายการ

รวม ฿ THB

ประเพณีการกินเจ 4-13 ตุลาคม 2556

2012-10-12 23:00:31 ใน เกี่ยวกับเทศกาลจีน » 0 8663

  เทศกาลกินเจ 4-13 ตุลาคม 2556   

   

 
หนึ่งมื้อกินเจ  หมื่นชีวิตรอดตาย
 
       พอถึงเดือนเก้าตามปฎิทินจีน  คนไทยเชื้อสายจีน หรือคนจีนที่พำนักอยู่ในไทย  พวกเราต่างจะถือศีลละเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์  เนื่องในเทศกาลที่พวกเราเรียกว่า  เทศกาลกินเจ  โดยประเพณีการกินเจ หรือ เทศกาลกินเจ จะกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุก ๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน  โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 15– 23 ตุลาคม 2555    แต่บางคนจะกินก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 1-2 วัน เพื่อทำการล้างท้อง (ล้างสิ่งที่เราเคยบริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อต้องการให้กินเจได้เต็มทั้ง 9 วัน) และบางท่านอาจจะกินเลย 9 วัน ตามแต่ศรัทธาของแต่ละท่านคะ      
 คำว่า "เก้าอ๊วง" หรือ "กิ้วอ๊วง" แปลว่า "พระราชา 9 องค์" หรือนพราชา หมายถึงผู้เป็นใหญ่ทั้ง 9 ซึ่งเป็นที่มาของประเพณีกินผักกินเจ

ความหมายของ "ธงเจ"

          ในช่วงเทศกาลกินเจ เราจะสังเกตเห็นธงประจำเทศกาล โดยมีพื้นธงเป็นสีเหลืองซึ่งเป็นสีที่อนุญาตให้ใช้กับคนสองกลุ่มเท่านั้น คือกลุ่มกษัตริย์ ราชวงศ์ และกลุ่มอาจารย์ปราบผี ดังจะเห็นจากยันต์สีเหลืองตามภาพยนตร์จีน ดังนั้นสีเหลืองจึงเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล บนธงจะเขียนตัวอักษรสีแดง อ่านว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า "ของไม่มีคาว" เหตุที่ใช้สีแดง เพราะชาวจีนเชื่อว่า เป็นสีมงคง สร้างความเจริญให้แก่ชีวิต

          ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนถือศีลกินเจได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน
 
 จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
           1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่างๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ
           2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุกๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้ 
           3.กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรี่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
 
            ประเพณีกินเจก็คือประเพณีกินผัก หรือที่เรียกว่า มังสวิรัติ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าของ ชาวจีน ที่ถึงจะย้ายถิ่น ฐานไปอยู่ในประเทศใด ก็ยังคงยึดถือปฏิบัติตามประเพณีนี้อยู่  ปัจจุบันคนไทยเชื้อสายจีนก็ยังยึดถือประเพณีกินเจสืบทอดต่อกันมา ประเพณีกินเจในประเทศไทยที่ผู้คนรู้จักกันดีก็คือ ที่จังหวัดภูเก็ต ที่เกิดขึ้นมากกว่าร้อยปีแล้ว โดยแพร่หลาย มาจากคณะงิ้วประเทศจีนที่มาแสดงให้ชาวจีนในภูเก็ตดู การกินเจในปัจจุบันมิได้มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อจะป้องกัน ภัยพิบัติเท่านั้น แต่ยังเป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และเป็นการเคารพถึงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป
         แต่ในช่วงเทศกาลกินเจนั้นก็มีข้อห้ามที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานอยู่หลายข้อ เชื่อกันว่าถ้าปฏิบัติได้ครบทุกข้อจึงจะเข้าถึงการกินเจที่ถูกต้องและ ได้บุญอย่างแท้จริง เราจึงขอนำเอาข้อห้าม 10 อย่างในเทศกาลกินเจ มาเล่าสู่กันฟังว่ามีข้อห้ามต่าง ๆ ในเทศกาลกินเจนั้นมีอะไรบ้างค่ะ

ข้อ 1  การงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง
  ซึ่งประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิด ได้แก่
  1.1 กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม)
 1.2 หัวหอม (ต้นหอม, ใบหอม, หอมแดง,หอมขาว,หอมหัวใหญ่)
 1.3 หลักเกียว (ลักษณะคล้าย หัวกระเทียม แต่เล็กกว่า)
 1.4 กุ้ยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า)
 1.5 ใบยาสูบ (บุหรี่,ยาเส้น,ของเสพติดมึนเมา)
        ผักเหล่านี้เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง นอกจากนี้ยังให้โทษทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควรรับประทาน พราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์ กระตุ้นจิตใจและอารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์
        ซึ่งในข้อห้ามนี้มีบางคนยังข้องใจกันมาก คือ กระเทียมซึ่งทางการแพทย์และเภสัชกรพบว่า สามารถรับประทานเป็นยาได้ ทั้งนี้เพราะเป็นสารที่มีประโยชน์สามารถละลายไขมันในเส้นเลือดได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นโลหิตเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน เป็นต้น แม้ทางการแพทย์แผนโบราณก็ยืนยันตรงกันว่ากระเทียมเป็น สมุนไพรรักษาโรคได้ แต่คนจีนที่ปฏิบัติในการกินเจถือว่าให้โทษกับหัวใจ ซึ่งในข้อนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน

 ข้อที่  2 การงดกินเนื้อสัตว์
  ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อวัว หมู ปลา หรือสัตว์มีชีวิตที่ใช้เป็น อาหารได้ เพราะคนจีนเชื่อว่าก่อนตายมันจะตกอยู่ในอาหารตกใจกลัวเมื่อเรากินมันเข้าไป อาจจะทำให้เรามีบาปติดตัวไปด้วย เพราะมันคือสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับคน ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่มาถึงปัจจุบัน

ข้อที่ 3  ไม่ควรกินอาหารรสจัด
 
  ซึ่งไม่ใช่แค่รสเผ็ดอย่างเดียว รวมไปถึงรสเค็มมาก หวานมากหรือเปรี้ยวมากด้วย ซึ่งปกติคนจีนจะไม่กินรสจัดอยู่แล้วเพราะถือว่าเข้าไปทำลายสุขภาพ อย่างกินเผ็ดจัดก็จะไปทำลายกระเพาะ กินเค็มมากจะไปทำลายไตได้ และอีกอย่างน้ำปลาก็ทำมาจากสัตว์เหมือนกัน ข้อห้ามนี้ถือว่าถูกหลักของการแพทย์ แต่บางคนที่ปฏิบัติไม่เคร่งครัดนัก เช่น ชอบรสเค็มจัดก็ใช้เกลือแทนน้ำปลา อันนี้ถือว่าไม่ผิด 

ข้อที่
4  ต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุงซึ่งข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าบริสุทธิ์จริง ๆ แต่ถ้าทำให้เกิดความยาก ลำบากก็ไม่จำเป็น เพราะบางคนที่ไม่เคร่งครัด อาจจะไม่ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะถือว่า คนที่ปรุงอาจจะไม่ได้กินเจก็ได้แต่ขอให้อาหารที่กินเข้าไปเป็นอาหารเจก็พอ

ข้อที่ 5 ถ้วยชามจะต้องไม่ปนกัน
เพราะเขาถือเคร่งครัดว่าอาหารคาวซึ่งชาวจีนเรียกว่า ชอ “ นั้น ถ้วยชาม จะใช้ปนกันไม่ได้จะถือว่าล้างสะอาดหมดจดแล้วจึงเอามาใช้ก็ผิดอีก บางคนคิดว่าล้างให้สะอาดมากๆ ก็ไม่จำเป็น ต้องแยก แต่ข้อนี้ถือว่าเป็นธรรมเนียมเหมือนอย่างอิสลามที่ไม่ยอม ใช้ถ้วยชามปนกันเหมือนของจีนนั่นแหละ

ข้อที่ 6  ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
การฆ่าสัตว์ของชาวจีนตั้งแต่สัตว์เล็กๆ  ไป จนถึงสัตว์ใหญ่เป็นข้อเคร่งครัดเช่นกัน บางคนสงสัยอีกว่าอย่างถ้าเป็นยุงหรือมดฆ่าได้ไหม ตามความเชื่อแล้วห้าม เด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถือว่า ปฏิบัติไม่ครบ

ข้อที่ 7  แต่งกายด้วยชุดขาว
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนก็ใส่เสื้อผ้าสีขาวตลอดจนถึงออกเจเพราะเชื่อกัน ว่านอกจากงดอาหาร ต่างๆ ในร่างกายสะอาดแล้วภายนอกแม้จะเป็นเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดด้วย ข้อนี้ไม่ใคร่ เข้มงวดสำหรับบุคคลที่ปฏิบัติอยู่กับบ้าน ไม่ได้ไปที่แจตั๊วหรือสถานที่ทำพิธีกินเจ แต่สำหรับคนที่ทานเจด้วย ไปโรงเจด้วยแนะนำให้สวมชุดสีขาวด้วยจะดีกว่าค่ะ

ข้อที่ 8 พูดจาไพเราะ
คนที่ถือศีลกินเจไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้น แต่คำพูดที่พูดออก จากปากก็ต้อง สะอาดด้วย สิ่งไม่ดีทั้งหลายไมควรพูดหรือที่เรียกว่า ” ปากเจ ” ซึ่งประกอบไปด้วย ไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุแหย่ ไม่พูด เพ้อเจ้อ ถ้าปฏิบัติได้ก็ถือว่าสะอาดทั้งหมด

ข้อที่ 9 งดดื่มสุราและของมึนเมา
ตลอดช่วงเวลา 9 วัน ข้อนี้สำคัญเพราะการงดอาหารที่เป็นของคาวแล้วสิ่ง ที่สร้างความมึนเมาหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกายก็ห้ามเข้าสู่ร่างกายด้วย

ข้อที่ 10  ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง
คนที่จะไปกินเจมักจะไปชุมนุมกันที่แจตั๊วหรือสถานที่กินเจ ณ ที่นั้น เขาจะประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา วางกระถางธูปและตั้งเครื่องเจ ต่างๆ นอกจากนี้ ก็จุดโคม 9 ดวงเพื่อสมมติเป็น ” เก๊าฮ้วงฮุดโจ้ว ” นั่นเอง ซึ่งจะต้องจุดไว้ทั้งกลางวันและ กลางคืนจนตลอดงานทีเดียว ถ้าดับโคมไฟดวงใดดวงหนึ่ง ก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคลและไม่ครบถ้วนพิธีการกินเจ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อห้ามในการกินเจ ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของตัวเอง ประเพณีกินเจโดยทั่วไปแล้วมิได้ทำกันตลอดทั้งปี แต่จะเริ่มกินในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ จนถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งตก ในเดือน 11 ข้างไทยเป็นวันกินเจ ซึ่งจะสับเปลี่ยนเวียนไปตามปีนั้นๆ ใครที่ไม่ได้เป็นลูกหลานชาวจีนถ้าต้องการจะ มีร่างกายและจิตใจ ที่บริสุทธิ์และได้ทำบุญกุศลอาจจะอยากเข้าร่วมพิธีนี้ด้วยก็ได้ เป็นการดีเสียอีกที่ปีหนึ่งคนเรา หันมาทำบุญร่วมกัน


 
  10 วันของเทศกาลกินเจ

          ประเพณีกินเจจะจัด 9 วัน 9 คืน โดยแต่ละวันมีพิธีต่างๆ กันดังนี้

           วันแรก แต่ละศาลเจ้าก็จะดูฤกษ์ยามว่า จะเชิญเจ้ามาเวลาไหน แต่ไม่เกินเที่ยงวัน โดยใช้ "ปวย" 2 อันเสี่ยงทายโดยการโยน 2 ครั้ง หาก 1 อันหงาย 1 อันคว่ำ แสดงว่า เจ้าทั้ง 9 ได้เสด็จลงมาแล้ว การกินเจจะเริ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่มักทานกันล่วงหน้าเพื่อล้างท้อง

         
           เช้าวันที่สอง จะมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม
          หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก "การกินผัก" ผ่านไป 3 วัน จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า "เช้ง" ในตอนค่ำมีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ "ลำเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนเกิด และ "ปักเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี "ปั้งกุ้น" หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น
     

                          วันที่สาม (ซิวซา)  เป็นวันเจคี้ใหญ่ที่บรรดาผู้ทานเจส่วนมากจะให้ความสำคัญ โดยจะมาเนืองแน่นกันที่ศาลเจ้าหรือโรงเจ  เพื่อทำการไหว้เจ้า และมีการเดินธูปกันคะ

          วันที่สี่ เป็นวันที่คนส่วนใหญ่จะมาไหว้เจ้า วันนี้ศาลเจ้าต่างๆ จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
 
          วันที่หก (ซิวหลั้ก) เป็นวันเจคี้ใหญ่อีกวันหนึ่งที่บรรดาผู้ทานเจส่วนมากจะให้ความสำคัญ โดยจะมาเนืองแน่นกันที่ศาลเจ้าหรือโรงเจ  เพื่อทำการไหว้เจ้า และมีการเดินธูปกันคะ


           ในวันที่เจ็ด จะเริ่มพิธีบูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการไหว้เจ้า แต่วันนี้สำคัญกว่าวันที่สี่ เรียกว่า "ไหว้เจ้าใหญ่" ในวันนี้จะมีการซื้อเต่า, ปลาไหล, นก ฯลฯ มาไหว้ด้วย

           วันที่แปด วันนี้จะมีการลอยกระทง คล้ายการลอยกระทงของคนไทย เพื่อขอบคุณเจ้าแม่คงคาที่ให้น้ำใช้ น้ำดื่ม และให้สิ่งไม่ดีลอยไปตามน้ำ นอกจากนี้ที่ภูเก็ตยังมีการจัดขบวนแห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่างๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้นไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด

           วันที่เก้า ช่วงเช้าจะมีพิธีทำทาน หรือเรียกว่า "ซิโกว" เป็นการให้ทานแก่ผีไม่มีญาติ ตอนกลางคืนจะมีแห่มังกร, สิงโต, ขบวนของเด็กที่จัดเพื่อเป็นสีสัน 

        
           วันที่สิบ เป็นวันส่งเจ้ากลับ  

 

    กระดาษไหว้ที่ใช้ในเทศกาลกินเจเราต้องใช้อะไรบ้าง ทางร้านขอเเนะนำดังนี้คะ

1. เง็งเตี๋ยเจ (สีเหลือง) เราใช้สำหรับไหว้เจ้าเท่านั้น ไหว้ได้กับเจ้าทุกองค์คะ ความหมายคือกระดาษเงินกระดาษทองถวายฮุกโจ้วคะ  เรามักนิยมไหว้ที่ละ 3-5 เเผ่น 
  






                       ดูสินค้าเพิ่มเติมในเรื่องเครื่องกระดาษไหว้เจ้า ธูปเทียน ที่ใช้ในเทศกาลกินเจ ได้ที่  http://www.tpk-chinesepaper.com/index.php?page_id=product&do=list_product&shop_cat_id=3414&shop_cat_main=3144
          


   การกินเจเราสามารถทานเจได้นอกเหนือจากเทศกาลใหญ่เทศกาลกินเจเพียงเทศกาลเดียว  การทานเจสามารถทานได้ตลอดทั้งปี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นกับศรัทธาของแต่ละท่านนะคะ ^_^




 
    ขอบคุณที่มา :       
http://hilight.kapook.com/view/29017
http://blog.th.88db.com/?p=14338
 
กรุณาเข้า สู่ระบบ ก่อนทำการเขียนข้อความ